Go to Top

วิกฤติพลังงานไทยอยู่แค่คืบ

ข่าว และกิจกรรม

2018/03/06
จากแรงกดดันขอกลุ่มคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ออกมาอดข้าว
ประท้วงกันที่หน้าส านักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจ า
ประเทศไทย ท าให้รัฐบาล โดย ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ยอมลงนาม
ในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) กับกลุ่มผู้คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า
ถ่านหินกระบี่และเทพา
ด้วยข้อตกลงที่ประกอบไปด้วย 1.ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
หรือ กฟผ.ถอนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของ
โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ออกจากส านักงาน
นโยบายและแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
ภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันลงนาม
2.ให้กระทรวงพลังงานจัดท ารายงานการประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์
(SEA) เพื่อศึกษาว่าพื้นที่จังหวัดกระบี่ และอ าเภอเทพา จังหวัดสงขลา มี
ความเหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ โดยด าเนินการให้เสร็จ
สิ้นภายในเวลา 9 เดือน และมีนักวิชาการที่เป็นกลางและเป็นที่ยอมรับทั้ง
สองฝ่าย หากผลออกมาว่าพื้นที่ไม่เหมาะสมท าโรงไฟฟ้าถ่านหิน กฟผ.
จะต้องยุติสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งสองพื้นที่
3.หากผลรายงานออกมาว่าเหมาะสมต่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ใน
ขั้นตอนการท า EHIA จะต้องจัดท าโดยคนกลางที่ยอมรับร่วมกัน และ 4.ให้
คดีระหว่างเครือข่ายผู้ชุมนุมกับ กฟผ.เลิกแล้วต่อกัน
แม้ว่าตามข้อเท็จจริงแล้ว การเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และ
เทพานั้นเป็นไปตามแผนพัฒนาก าลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2558-
2579 (PDP 2015) เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ที่เพิ่มขึ้น

อย่างต่อเนื่อง และเพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าใน
ภาคใต้เอง
ซึ่งจากกรณีดังกล่าวนั้นท าให้ต้องยอมรับกันว่า ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
นับจากนี้จะหายไปจากระบบทันที แม้ว่า รมว.พลังงานจะออกมาประกาศ
ร้องว่า 5 ปีนับจากนี้ไม่จ าเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน ภาคใต้สามารถมี
ไฟฟ้าเพียงพอ เพราะกระทรวงพลังงานได้มีแผนรองรับแล้ว การส่งเสริมให้
มีการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 300 เมกะ
วัตต์ บอกเลยว่าขณะนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดยื่นจ านงว่าจะเข้าไปผลิตเลย
ในขณะที่ความต้องการใช้กลับเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ปีละ 3-4% โดยในปี 2560 มี
ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 2,624 เมกะวัตต์ มีปัจจัยหลักมาจากการ
ส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ช่วยดึงรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อมีการเติบโตของนักท่องเที่ยว ก็ต้องมีการพัฒนาระบบ
สาธารณูปโภคต่างๆ รองรับ แต่เมื่อไม่สามารถที่จะพัฒนาได้ การส่งเสริมก็
จะไม่ประสบความส าเร็จ
ที่ส าคัญถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า นับจากนี้โครงการลงทุน
โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นก็คงยากเต็มที โดยเฉพาะ
โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จะไม่ใช่แค่โรงไฟฟ้าถ่านหินเท่านั้น แต่อาจจะ
หมายถึงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าประเภทอื่นๆ อีกก็ได้
ดังนั้น จากนี้ไปคงต้องเป็นหน้าที่ของคนผูกที่ต้องไปแก้ปมของตัวเอง
เพราะตามนโยบายของรัฐบาลที่พยายามผลักดันให้ประเทศไทยก้าวพ้นกับ
ดักรายได้ปานกลาง ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมได้สู่ยุค 4.0 และการผลักดันให้
เกิดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จ าเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น
เมื่อไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าแล้วการส่งเสริมจะประสบความส าเร็จหรือ ก็
คงต้องถามกับผู้ที่ออกมายืนยันว่าไม่เอาถ่านหิน และเอาพลังงานทดแทน
พร้อมกับต้องย้อนถามไปอีกว่า ประเทศไทยมีความพร้อมหรือยังที่จะใช้
พลังงานทดแทนเป็นพลังงานหลักของประเทศ และถ้าบอกว่าซื้อไฟฟ้าจาก
ประเทศเพื่อบ้านมาใช้แทน ก็ต้องถามว่าหากเกิดกรณีข้อพิพาทกันจะท า
อย่างไร ส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ก็บอกได้เลยว่าแหล่ง
สัมปทานที่ใกล้จะหมดอายุสัญญานั้น ยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าจะสามารถ
ประมูลหาผู้รับสัมปทานรายใหม่ได้หรือไม่ เพราะยิ่งใกล้วันที่จะเปิดยื่นซอง
ประมูลเท่าไหร่ กระแสการคัดค้านก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นการคัดค้านโครงการใดๆ ก็ตาม อยากให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความ
เป็นจริงที่ไม่บิดเบือน หรือหยิบยกเอาข้อมูลเพียงส่วนหนึ่งมาพูดมาเขียน
เท่านั้น ซึ่งการกระท าเช่นนี้มันจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่าง
มากมาย

และสุดท้าย รมว.พลังงานที่ลงนามเอ็มโอยูจะต้องหาทางออกให้กับปม
ปัญหาเหล่านี้ โดยเฉพาะวิกฤติพลังงานไทยที่ก าลังคืบคลานเข้ามาใกล้ทุก
ที ก่อนที่จะขยายไปยังส่วนอื่นๆ ของเศรษฐกิจไทยจนลุกลามเป็นวงกว้าง
ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้อีก.
บุญช่วย ค้ายาดี