สถานีไฟฟ้าบีแอลซีพีได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2540 อายุสัญญา 25 ปี
โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีถือได้ว่ามีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศชึ่งกำลังการผลิต และการเปิดดำเนินการทั้งสองหน่วยผลิตนี้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan-PDP) ของประเทศไทย
ทั้งนี้เพื่อช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า (System Stability) และเพื่อรักษาความสมดุลของปริมาณการผลิตและปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศ (Reserve Margin)
นอกจากนี้โรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยในระดับที่จะมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยรวมของประเทศ (Cost Stability) รวมทั้งช่วยชะลอการขึ้นราคาปลีกของค่าไฟฟ้าภายในประเทศ (Price Stability) ท่ามกลางสถานการณ์น้ำมันแพงที่ผันผวนตามตลาดโลกในปัจจุบัน
ที่สำคัญโรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังมีส่วนช่วยส่งเสริมนโยบายการกระจายการใช้เชื้อเพลิงเพื่อให้หลากหลายแก่ประเทศ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการกระจุกตัวของประเภทเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศในอนาคต (Fuel Diversification Policy)
นอกจากนี้ จากนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงนโยบายในการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มดิบล้นตลาด โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่สนับสนุนนโยบายภาครัฐ เพื่อร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ได้สั่งซื้อน้ำมันดีเซล B20 รวมจำนวน 1,367,000 ลิตร จำนวน 2 ครั้งเมื่อปลายปี พ.ศ.2562 และเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ จำนวนทั้งสิ้น 273,400 ลิตร เพื่อทดแทนการใช้เชื้อเพลิงในการ start up และ shutdown โรงไฟฟ้าจากที่เคยใช้น้ำมันดีเซลปกติ เพื่อให้เป็นตามที่กระทรวงพลังงานได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมนโยบายพลังงาน เพื่อประชากรทุกระดับตามนโยบาย Energy For All และให้มีการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันอีกด้วย